ถ้าหากใครที่มีโอกาสไปเที่ยวกรุงโตเกียวล่ะก็ เชื่อแน่ๆ ว่าคุณคงจะรู้จักย่านฮาราจูกุอย่างแน่นอน แหล่งชอปปิงยอดฮิตและเต็มไปด้วยแสงสีแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่เรามักจะได้เห็นในไอจีเพื่อนๆ ที่เดินทางไปเที่ยวญี่ปุ่นอยู่บ่อยๆ
ซึ่งถ้าหากคุณมีโอกาสมาเยือนย่านแสงสีแห่งนี้แล้วไม่อยากให้เพื่อนทักผิดว่าไปเที่ยวที่อื่นมาล่ะก็ เราขอแนะนำว่าคุณควรเก็บแลนด์มาร์คสำคัญๆ เหล่านี้ไว้ในเมมโมรี่ของกล้องโดยด่วน!!
1. Omoide Yokocho
นี่คือถนนเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมมากมาย ซึ่งที่นี่คุณจะได้พบกับวัฒนธรรมการดื่มแบบชาวญี่ปุ่น แถมยังได้ภาพบรรยากาศแบบคูลๆ ไปอวดเพื่อนในไอจีอีกด้วยนะ
2. Golden Gai
เหมือนกับ Omoide Yokocho นี่คือสถานที่นั่งดื่มยอดนิยมของย่านชินจูกุ บนถนนเล็กๆ แห่งนี้มีบาร์มากกว่า 200 แห่งที่ตกแต่งด้วยป้ายนีออนให้บรรยากาศเหมือนกับคุณกำลังท่องราตรีในช่วงก่อนสงครามเลย
3. Kabukicho
ที่นี่ถือเป็นย่านแสงสีที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ในย่านนี้เต็มไปด้วยโรงเตี๊ยม บาร์ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ขึ้นชื่ออีกมากมาย
4. Robot Restaurant
ร้านอาหารที่มาพร้อมกับบริการที่แปลกใหม่แห่งนี้ ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวอีกจุดหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากบริการอาหารแล้วที่ร้านแห่งนี้ยังมีโชว์หุ่นยนต์สุดตระการตาให้ได้ชมอีกด้วย
5. Sanagi Shinjuku
ร้านอาหารที่ตั้งอยู่ทางประตูด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของสถานีรถไฟใต้ดินชินจูกุแห่งนี้ เป็นอีกร้านที่มีการตกแต่งหลากสีสันและเป็นสถานที่ที่คุณไม่ควรพลาดในการเก็บภาพและความประทับใจเมื่อมาเยือน
6. ก็อตซิลล่ายักษ์
ถ้าหากว่าคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้ล่ะก็ ไม่ควรพลาดการเก็บภาพของมันที่ด้านบนของโรงแรม Shinjuku Gracery Hotel ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่านนี้
7. ศาลาว่าการกรุงโตเกียว
ที่นี่คือจุดท่องเที่ยวยอดนิยมจากเว็บไซต์นำเที่ยวหลายๆ เว็บ ศาลาว่าการแห่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนกรุงโตเกียวเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ใช่แค่ความใหญ่โตของมันเท่านั้น ที่นี่คุณยังสามารถชมความสวยงามได้แบบฟรีๆ อีกด้วย
.
8. อาคาร Mode Gakuen Cocoon Tower
อาคาร 50 ชั้นสูง 204 เมตรแห่งนี้ถือเป็นหนึ่งในตึกระฟ้าอันสวยงามที่ตั้งอยู่ในย่านฮาราจูกุ ที่นี่คืออาคารของสถาบันการศึกษาถึง 3 แห่งด้วยกันคือโรงเรียนด้านแฟชั่น Tokyo Mode Gakuen, วิทยาลัยเทคโนโลยีและการออกแบบ HAL Tokyo และวิทยาลัยแพทย์ Shuto Ikō
ที่มา jw-webmagazine