กำลังเป็นที่ฮอตฮิตกันอยู่ในตอนนี้ถึงกระแสสมัยโบราณของบ้านเรา และสิ่งที่ #เหมียวจิวยี่ นำมาฝากในวันนี้ขอรับรองได้ว่าต้องถูกอกถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน เพราะว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถไปได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังสามารถพาเรากลับไปสู่ยุคเก่าๆ ได้แบบไม่น่าเชื่อ!!
สถานที่แห่งนั้นก็คือ เมืองมัลลิกา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งผู้ที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การท่องเที่ยวครั้งนี้มาให้เพื่อนๆ ได้ชมก็คือ คุณทรง ที่ได้เดินทางไปย้อนอดีตร่วมกับหมู่คณะของเขา และก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูปสวยๆ รวมถึงเรื่องราวดีๆ มาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันด้วย
แต่งชุดไทย ห่มสไบ ย้อนอดีตไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ต้องที่นี่เลย เมืองมัลลิกา จังหวัดกาญจนบุรี
เรือนแรกที่ไปเยือนก็คือเรือนคหบดี ซึ่งเป็นเรือนคนมีฐานะ บนเรือนนี้จะแสดงวิถีความเป็นอยู่ของชนช ั้นปกครองซึ่งจะมีกิจกรรมบน เรือน เช่น งานใบตอง งานดอกไม้ งานเครื่องแขวน งานแกะสลักผลไม้ โดยงานเหล่านี้เป็นงานวิจิ ตรที่จะใช้จริงในเมืองมัลลิ กา
และในบริเวนเรือนคหบดีนั้นย ังเรือนที่เป็นองค์ประกอบขอ งเรือน คือ เรือนครัว ซึ่งต้องทำอาหารเลี้ยง บ่าวไพร่ที่มีเป็นจำนวนมาก โดยการหุงข้าวเตากระทะ การประกอบอาหาร หวาน คาว
สำหรับชุดไทยที่ทางสาวสวยคนนี้ใส่อยู่นั้น ก็จะมีค่าเช่า 200 บาท มีผ้าสไบ โจงกระเบน เครื่องประดับ เข็มรัด และร่ม ซึ่งเขาก็แนะนำว่าหากอยากแต่งตัวแบบนี้ให้มาแต่เช้า เพราะว่าในตอนสายจะมีคนมาต่อคิวแต่งตัวเยอะมาก
สำหรับชุดผู้ชายแบบนี้เรียกว่า เสื้อราชปะแตน โจงกระเบน ค่าเช่า 300 บาทต่อชุด มีคนเปลี่ยนชุดให้เรายืนเฉย ๆ ก็พอ
มุมมหาชน ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาถ่ายภาพสวยๆ กัน
บริเวณด้านหน้าทางเข้าเมืองโบราณแห่งนี้
แผนที่เมืองมัลลิกาทั้งหมด
เงินรู ใช้ในเมืองมัลลิกา หน่วยเป็น สตางค์ อัตราการแลกเงินรู : 1 สตางค์ = 5 บาท
เข้ามาข้างในเมืองกันแล้ว
ครัวต่างๆ ของที่นี่
แอบศึกษาสักเล็กน้อย
ยิ้มแย้มแจ่มใสตามสไตล์คนไทย
ขนมเบี้องที่บอกกันว่าอร่อยมากกก
เผากันแบบโบราณๆ กันเลยทีเดียว
ชุดผู้ชายแบบนี้เรียกเสื้อกุยเฮงและโจงกระเบน ซึ่งก็จะมีให้เช่าในราคา 100 บาท
มุมสำหรับสาวๆ มานั่งร้อยมาลัยกันซะหน่อย
แต่งองค์ทรงเครื่องสักนิด
เข้ากับสถานที่ทั้งคนและชุดเลย
คุณผู้หญิงคนนี้เค้าทำอะไรกันนะ??
ในส่วนของโรงครัว ก็จะประกอบด้วย โรงสี ยุ้งข้าว โรงเตรียม แสดงกรรมวิธีการฝัดข้าว สีข้าว ตำข้าว พร้อมทั้ง การหุงข้าวเตากระทะใบบัว
แม่ครัวในโรงครัวนั้นต้องทำ อาหารเลี้ยงบ่าวไพร่จำนวนมา ก และประกอบอาหารคาวหวาน เพื่อรับรองแขกเหรื่อ โดยเป็นการประกอบอาหารด้วยเ ตาถ่านทั้งสิ้น
สะพานข้ามลำคลองเล็กๆ ดูแล้วก็น่ารักดี
มารอที่ท่าน้ำทุกวันเลย
เรือนแพ – ในยุคสมัยก่อน การสัญจรไปมาส่วนใหญ่ยังใช้แม่ น้ำอยู่ ดังนั้นร้านค้าขายก็จะตั้งอยู่ที่ริม น้ำเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งในเมือง มัลลิกาก็เช่นเดียวกัน จะมีเรือนแพสำหรับค้าขาย เป็นร้านกาแฟ ตงฮู ซึ่งเป็นร้านกาแฟที่ทันสมัย ในยุคนั้น โดยการนำเข้าเมล็ด กาแฟสดจากต่างประเทศเข้ามาเพื่อรองรับนักเดินทาง
นอกจากนี้ก็จะมีร้านข้าวแกงทรงโปรดใน เรือนแพนี้ด้วย ทางเมืองมัลลิกาได้ นำเอาอาหารที่พระบาทสมเด็จพ ระจุลจอมเกล้า (ร.5) ทรงโปรดมา เพื่อให้พสกนิกรและนักท่องเที่ยวได้เห็นควา มเรียบง่ายของอาหารที่ มหาราชของชนชาวไทยเสวย ซึ่ง ล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่ง่า ยแต่มีความอร่อยอย่างไทยแท้
แผนที่สำหรับการมาเยือนเมืองมัลลิกาแห่งนี้
สำหรับเรื่องงบประมาณในการท่องเที่ยวครั้งนี้คุณทรงก็บอกว่าใช้งบเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น โดยจะมีเพียงแค่บัตรที่ซื้อจากไทยเที่ยวไทย 300 บาท/คน ได้บัตรเข้า+ค่าเช่าชุดได้ทุกชุด (ไปซื้อหน้าทางเข้าปกติ 200 ไม่รวมค่าชุดอีก 100-500)
ของกินในเมืองมัลลิกา 200 บาท
ค่าน้ำมัน ไป-กลับ 700 บาท
เห็นภาพสวยๆ จากสถานที่งามๆ อย่างนี้แล้ว ก็ทำให้รู้ว่าเมืองไทยเป็นเมืองที่สวยงามอย่างแท้จริง หากใครมีโอกาสล่ะก็ รีบไปสัมผัสบรรยากาศนี้ด้วยตัวเองกันเถอะ
ที่มา: Songsak Aisurin